สาวท้อง 8 เดือน ฉีดวัคซีนโควิดดับ พบติดเชื้อ ตายทั้งกลม ถาม รพ.เงียบ

สาวท้อง 8 เดือน ฉีดวัคซีนโควิดดับ พบติดเชื้อ ตายทั้งกลม ถาม รพ.เงียบ

สลด สาวท้อง 8 เดือน ดับข้างหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้างหลังผ่านไป 1 เดือน โรงพยาบาลยังไม่แจกแจง “แม่” ขุ่นเคือง จะต้องเดินสายร้องหลายหน่วยงาน เรื่องก็ยังเงียบ ก็เลยเข้าพึ่งสื่อเพื่อขอความชอบธรรม ส่วน “คุณยาย” กล่าวอีกทั้งน้ำตา ผู้อื่นไป โรงพยาบาลแล้วได้กลับมาบ้าน แต่ว่าเพราะอะไรหลานถึงมิได้กลับมา

 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 23 กันยายน64 นักข่าวได้รับแจ้งจากเครือญาติของคนตาย เป็นหญิงท้อง 8 เดือน ข้างหลังไปฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา ตามสิทธิ์คนท้อง เมื่อกลับไปอยู่ที่บ้านมีลักษณะป่วยไข้ไข้ขึ้น ก็เลยไปตรวจเชิงรุกเจอติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ผ่านไป 1 อาทิตย์ โรงพยาบาลฯ แจ้งคนไข้ตายอีกทั้งกลม เครือญาติ ตั้งข้อคิดเห็น เด็กบางทีอาจตายเน่าค้างท้อง นำมาซึ่งการทำให้แม่เสียชีวิต จากการได้รับเชื้อในกระแสโลหิต

 

โดยที่บ้านเลขที่ 64 / 56 หมู่ 3 ต.คลองนิยมยาตรา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นบ้านชั้นเดียวขนาดประมาณ 23 ตารางวา มีญาติผู้เสียชีวิตรอพบผู้สื่อข่าวอยู่ประมาณ 8 คน สังเกตที่ใบหน้าแต่ละคนปนเปื้อนไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ

 

นางเบ็ญจา ทองยา อายุ 52 ปี ป้าของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตชื่อ น.ส.มินตรา อินอร่าม หรือมิ้น อายุ 28 ปี เป็นหญิงตั้งครรภ์ 8 เดือน เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อกลับบ้านมีอาการไม่สบายไข้ขึ้น วันที่ 13 ส.ค.ไปทำงาน บริษัทฯตรวจเชิงรุกหาเชื้อพนักงาน ผลตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ในวันที่ 15 ส.ค. ด้วยอาการเหมือนคนปกติ แข็งแรงทั้งแม่และเด็กในครรภ์ หมอยังบอกกับญาติ ไม่ต้องเป็นห่วง ช่วงที่อยู่โรงพยาบาลฯ น้องมิ้น ได้มีการพูดคุยกับญาติทุกวัน ทางโทรศัพท์หรือทางไลน์

 

แต่วันที่ 18 ส.ค. มีอาการไอรุนแรง ไข้ขึ้น 39 องศา วันที่ 20 ส.ค.ขาดการติดต่อ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลฯ ต้องนำเข้าห้อง ICU และหมอได้พูดคุยกับป้า บอกอาการน้องไม่ค่อยดี เด็กอาจต้องคลอดก่อนกำหนด ป้าถึงกับงง เพราะตอนเข้าโรงพยาบาลฯ แข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก แต่ได้บอกหมอไปว่าให้ช่วยชีวิตแม่เป็นสำคัญก่อน กระทั่งวันที่ 25 ส.ค. โรงพยาบาลฯโทรแจ้งว่า เด็กในครรภ์เสียชีวิต ป้าเข้าใจว่า หมอคงผ่าเด็กออกมา แล้วนำไปเผาตามขั้นตอนของสาธารณสุข เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19

 

วันที่ 27 ส.ค.เวลา 12.00 น.โรงพยาบาลฯ โทรแจ้งว่า น้องมิ้น ต้องปั๊มหัวใจ จากนั้น เวลา 16.00 น.โรงพยาบาลฯโทรแจ้งว่า มิ้นได้เสียชีวิตลงแล้ว และต้องส่งศพไปเผา ในเย็นของวันเดียวกัน ซึ่งป้า ได้เป็นตัวแทนของครอบครัวไปทำพิธีเผาศพ เนื่องจากแม่ของมิ้น ติดเชื้อโควิด-19 และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่สิ่งที่ป้าได้รับรู้คือ มิ้น ตายในลักษณะ ที่ยังมีเด็กอยู่ในท้อง หรือที่เรียกว่า ตายทั้งกลม ก่อนเสียชีวิตมีน้ำหนักตัว 119 กิโลกรัม แต่หลังจากเสียชีวิต มีน้ำหนักสูงขึ้นไปถึง 130 กิโลกรัม ต้องใช้คนยกศพ ถึง 8 คน จึงทำให้เครือญาติติดใจ สงสัย ถึงต้นเหตุของการตาย ของแม่และก็เด็กในครรภ์ ว่าเกิดเหตุการณ์แบบงี้ได้เช่นไร เพราะเหตุไรโรงหมอถึงไม่กระทำผ่าเอาเด็กออกมาก่อน ในตอนที่ยังไม่ตายแล้วเอาเข้าตู้อบ หรือถ้าเกิดเด็กตายในท้อง เพราะอะไรถึงไม่ผ่าเอาเด็กออกมาก่อน ปลดปล่อยให้ตายอยู่ในทุ่งนาน ถึง 2 วัน จนถึงบางทีอาจมีผลทำให้ผู้เป็นแม่ติดเชื้อจากศพลูกที่อยู่ในท้อง จนกระทั่งเสียชีวิตตายตาม แม้กระนั้นทางแพทย์ กล่าวว่า มิ้นเสียชีวิต จากอาการปอดติดโรค โดยมิได้เจาะจงในเอกสารเพราะว่า มีเด็กตายอยู่ในท้องของอีกคน

 

ต่อไปพี่น้องได้พยายามขอคำชี้แจงจากโรงพยาบาลฯ แม้กระนั้นมิได้รับคำตอบอะไรก็ตามไม่ช่วยเหลืออะไร แม้กระทั้งเรื่องเอกสารการตาย เครือญาติจำต้อง รอตามเรื่องตามราวเอาเอง เมื่อมิได้รับความยุติธรรม พี่น้อง ได้อุตสาหะ ไปร้องทุกข์กับหน่วยงานของจังหวัดสมุทรปราการ แต่ว่าได้รับคำตอบว่าให้หาเอกสารพิสูจน์ถึงสิ่งที่ทำให้เกิดการตาย ของแม่กับทารกในท้อง ซึ่งเครือญาติก็กล่าวว่า ตายจากเชื้อโควิด-19 จะไปเอาเอกสารไหน และก็โรงหมอ ก็ไม่ร่วมมือในเรื่องอะไรเลย ทำให้จนตรอกไม่เคยรู้จะเบือนหน้าไปพึ่งคนไหน ก็เลยจำต้องมาร้องผ่านสื่อฯ ขอความเห็นใจ ส่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยทวงความเป็นธรรมคืนให้กับครอบครัวของตนด้วย

 

“ตอนนี้ แม่ ของมิ้นเสียใจมาก โดยเฉพาะยาย ร้องไห้ทุกวัน แม้จะผ่านมาแล้ว 1 เดือนก็ตาม ยายกล่าวทั้งน้ำตา คิดว่าไปอยู่ใกล้หมอ คงไม่เป็นอะไรแล้วละ ถ้าอยู่กับเรา ๆ ช่วยอะไรไม่ได้ ที่ไหนล่ะ หมอไม่ได้ช่วยอะไรหลานยายเลย เขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลฯแล้วได้กลับบ้านกัน แต่ทำไมหลานยายไปโรงพยาบาลฯแล้วถึงไม่ได้กลับมาบ้าน เหมือนคนอื่น ๆ”

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*