
ภูมิต้านทานกลุ่ม คือ เมื่อพลเมืองโดยมากมีภูมิคุ้มกันต่อโรคติดเชื้อ จะช่วยลดการระบาด รวมทั้ง ป้องกันคนที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่ให้มีการติดโรคได้ ดังเช่นว่า โรคฝึกฝน ถ้าเกิดพลเมืองโดยมากมีภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าจะจากการฉีดยา หรือการได้รับเชื้อ เป็นหัดแล้ว ประชากรส่วนน้อยได้รับประโยชน์ถูกปกป้องไปด้วย ไม่ให้เกิดการระบาดของโรค แต่ภูมิคุ้มกันหมู่ไม่สามารถใช้ได้กับโรค บางโรคที่เป็นเฉพาะG2GBETบุคคล เช่น บาดทะยัก ต่อให้เราฉีดวัคซีนบาดทะยักมากแค่ไหน คนที่ไม่ได้ฉีดถ้าไปโดนตะปูตำ คนอื่นที่ฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก ก็ไม่สามารถจะมาปกป้องเราได้
ความหวังให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ สำหรับโรคโควิด 19 ในระยะเริ่มแรกที่มีวัคซีน โดยคาดการณ์กันว่าถ้าประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากการติดเชื้อ หรือได้รับวัคซีนมากกว่าร้อยละ 70 ก็จะหยุดการระบาดของโรคได้ แต่ความเป็นจริง ภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่สามารถใช้ได้กับโรคโควิด 19
สิงคโปร์ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 80% โรคก็ยังระบาดอยู่ อิสราเอลก็เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อ และแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ แต่ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง ไวรัสเองยังเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ที่จะหลบหลีกต่อระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์
ถ้ามีภูมิต้านทานจากการติดเชื้อ หรือฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อ อาการจะลดน้อยลงหรือไม่มีอาการ การติดเชื้อครั้งแรกในคนที่ไม่มีภูมิต้านทาน จะรุนแรงที่สุด และจะสร้างภูมิต้านทานป้องกันการติดเชื้อในครั้งต่อไปให้มีอาการลดน้อย และจะลดน้อยลงเรื่อยๆจนเป็นเหมือนโรคทางเดินหายใจแบบปกติ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวสิ่งที่จำเป็นทุกคนต้องมีภูมิคุ้มกัน ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น กำเนิดได้จากการรับเชื้อหรือการได้รับวัคซีน รวมทั้งเมื่อมีการติดโรคเมื่อมีภูมิคุ้มกัน อาการก็จะลดน้อยลงหรือไม่มีอาการ
Be the first to comment