
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยสำหรับเพื่อการมอบหลักการและก็เปิดตัวแผนทำการเกษตรอัจฉริยะ ปี พุทธศักราช 2565 – 2566 แก่เกษตรจังหวัดทั่ว ว่า เพื่อสอดคล้องกับ ที่มีความสำคัญในการรบชาติ 20 ปีของรัฐบาล ได้กำหนดให้มีแผนสำหรับการแม่บทด้านการเกษตรแล้วก็แผนย่อยเกษตรอัจฉริยะ ภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ด้วยการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร มีเป้าหมายสำคัญให้เกิดการทำเกษตรแบบทำน้อยได้มาก
รวมทั้งเร่งพัฒนาบุคลากรในหน่วยงาน ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคให้มีความพร้อมทั้งด้านวิจัยและพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่รัฐและเกษตรกร สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และช่วยเป็นครูผู้ฝึกหรือเทรนเนอร์ ให้แก่เกษตรกร โดยมุ่งเน้นทั้ง Smart Farmer , Young Smart Farmer ผู้นำเกษตรกรของ ศพก. และแปลงใหญ่ มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาแปลงใหญ่เกษตรอัจฉริยะให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในทุก ๆ จังหวัดของประเทศ และให้เข้าถึงทุกอำเภอภายใน 3 ปีให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะ ได้การจัดทำแผนปฏิบัติ ปี 2565 – 2566 โดยกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับXOSLOTผู้แทนของหน่วยงานภายนอกกว่า 200 คน ทั้งจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เป้าหมายแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะระยะโครงการ 2 ปี ภายใต้งบประมาณมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้พ้นกับดักความยากจน ลดจำนวนเกษตรกรที่อยู่ภายใต้ เส้นความยากจนที่มีรายได้ประมาณ 3,000 บาทต่อปี ลงปีละประมาณ 10% หรือเฉลี่ย 2 ปีต้องลดความยากจนของเกษตรกร ลง 20% จากปัจจุบัน ด้วยการพัฒนาผลผลิตภาคเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3% ผลักดันให้จีดีพีภาคเกษตรให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในจีดีพีของประเทศ เพื่อให้ภาคเกษตรไทย สามารถค้ำจุนเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งขณะนี้ จีดีพีภาคเกษตรมีสัดส่วนประมาณ 5.8% ของจีดีพีประเทศ
อย่างไรก็ตาม การเร่งขับเคลื่อนภาคเกษตร ให้เติบโตได้ ภายใต้คอนเซ็ปทำน้อยได้มาก จะดำเนินการโดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ที่คนส่วนใหญ่ต้องทำงานที่บ้าน ลดการสัมผัสใกล้ชิดกัน แต่ภาคเกษตรจำต้องเดินหน้าสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านของกิน ภายหลังการระบาดของโควิด-19 ภาคเกษตรแม้ว่าจะมีการเติบโตน้อย แม้กระนั้นน่าจะเป็นภาคเดียวที่ไม่ติดลบ ยังเดินหน้าสร้างความมั่นคงและยั่งยืนเรื่องของกินได้ ฉะนั้นงบประมาณที่จัดแบ่งมาจะใช้ประโยชน์อีกทั้งเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาค้นคว้า การพัฒนาคน รวมทั้งยกฐานะผลิตภัณฑ์การเกษตร
Be the first to comment