
หมอปลารับ 19 ผู้บำบัดกลับไปพักฟื้นที่เพชรบุรี ยันพร้อมสู้คดีเผยความจริง
19 ผู้ต้องบำบัดสารเสพติดของวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ถูกส่งพักฟื้นที่บ้านหมอปลา จังหวัดเพชรบุรี ในขณะที่ 3 คนเหลือกรมสุขภาพจิตรับไปส่งบ้าน แพทย์ปลาเปิดเผยซึ่งถ้าหากว่าถูกฟ้องก็พร้อมสู้นำความเป็นจริงเข้ากระบวนการยุติธรรม ความก้าวหน้ากรณี วิเคราะห์ศูนย์เกื้อหนุนบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถนะผู้ติดสิ่งเสพติด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง กลุ่ม 10 ตำบลด่านมะขามเตี้ย อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดจังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 เดือนกันยายน64 รถบรรทุกกำลังพลจาก เขตทหารราบที่ 17 (มทบริษัท17) พร้อมกำลังพล ได้นำผู้บำบัดรักษา ปริมาณ 19 ราย เป็นชาว จังหวัดจังหวัดราชบุรี ปริมาณ 2 คน จังหวัดจังหวัดสุพรรณบุรี ปริมาณ 2 คน จังหวัดร้อยเอ็ด ปริมาณ 2 คน จังหวัดชลบุรี ปริมาณ 2 คน กรุงเทพมหานคร ปริมาณ 3 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปริมาณ 1 คน จังหวัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปริมาณ 1 คน จังหวัดจังหวัดสมุทรสาคร ปริมาณ 2 คน จังหวัดจังหวัดสระบุรี ปริมาณ 2 คน จังหวัดจังหวัดนครปฐม ปริมาณ 1 คน รวมทั้ง จังหวัดจังหวัดสมุทรปราการ ปริมาณ 1 คน เดินทางออกจาก โรงพยาบาลสนาม ค่ายฝึกฝน รด.เขาชนไก่ อำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเดินทางไปที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง กลุ่ม 10 ตำบลด่านมะขามเตี้ย อำเภอด่านมะขามเตี้ย โดยเดินทางออกจาก รพ.สนามมาที่วัดท่าพุฯ เพื่อมาเอาทรัพย์สินและเงินที่ผู้ปกครองและญาติได้ฝากไว้กับทางวัดเพื่อเป็นค่าอาหารและใช้จ่าย ซึ่งผู้ต้องบำบัดใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงออกเดินทางต่อไปบ้านหมอปลา หรือ นายจีรพันธ์ เพชรขาว มือปราบสัมภเวสี ที่ ต.โรงเข้ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยดูแลด้วย ส่วนผู้ต้องบำบัด อีก 3 คน ทางกรมสุขภาพจิตได้มารับตัวไปส่งที่บ้านในกทม.แล้ว ส่วนผู้บำบัดคนสุดท้ายที่ติดต่อญาติไม่ได้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มารับตัวไปเพื่อทำการรักษาโรคจิตเวชต่อไป หมอปลา มือปราบสัมภเวสี บอกว่า ตัวเองยังไม่เคยรู้ข่าวสารว่าทางตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด มีการแถลงข่าวอะไรและก็เช่นไร เนื่องจากระหว่างนี้ตนกำลังรับเพศผู้เสียหายที่ยังไม่มีที่ไป แล้วก็ตั้งใจจะมาพักที่บ้านของตนเองนิ่งงต้นก่อน ภายหลังออกมาจาก โรงพยาบาลสนาม เขาตีไก่ ส่วนในกรณีที่ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ จะไปฟ้องร้องฟ้องร้องคดีกับตนนั้น ตนถามคำถามว่า เป็นการรับประทานปูนร้อนท้องหรือไม่ ทั้งปวงมีต้นเหตุจากการร้องทุกข์ของผู้เสียหายมาที่ตน ดังปรากฏหลักฐานจากที่สื่อนำเสนอและก็ยังมีหลักฐานอีกจำนวนไม่ใช่น้อยที่ผู้เสียหายมอบไว้ให้ตน และก็ที่สำคัญสิ่งที่ตนทำเป็นความประพฤติปฏิบัติด้วยความสุจริตต่อการให้ความให้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ถูกกระทำทั้งมวล ไม่ใช่ไปจู่โจมป้ายความผิดคนใดกัน ตนยังบอกอะไรมากมายมิได้เพราะเหตุว่าไม่เคยรู้ประเด็นนี้ แม้มีหมายมา ตนก็พร้อมที่จะต่อสู้คดี ดีแล้วเช่นกันจะได้นำข้อเท็จจริงไปสู่กระบวนการยุติธรรม.